กสทช เผยไต๋แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ทำไมโทรหลอกประชาชน ถึงขึ้นเป็นเบอร์หน่วยงานรัฐ

กสทช เผยไต๋แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ทำไมโทรหลอกประชาชน ถึงขึ้นเป็นเบอร์หน่วยงานรัฐ

กสทช เผยไต๋แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ทำไมโทรหลอกประชาชน ถึงขึ้นเป็นเบอร์หน่วยงานรัฐ กำชับผู้ให้บริการทุกเครือขายตรวจสอบสายการโทร VoIP ที่มาจากต่างประเทศไม่ให้แสดงเบอร์ปลอม วานนี้ (18 ม.ค. 2565) สำนักงาน กสทช. ร่วมประชุมหารือกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ที่นำโดย พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. และผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ทุกราย ได้แก่ AIS TRUE DTAC และ NT เกี่ยวกับแนวทางการป้องกันปัญหา Call Center หลอกลวง

ที่ประชุมได้หารือถึงวิธีการที่แก๊ง Call Center ใช้ว่ามีการโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ต (โทรผ่าน VoIP) 

จากต่างประเทศเข้ามายังที่เบอร์โทรศัพท์ของประชาชนในประเทศไทย ด้วยวิธีการดังกล่าว มิจฉาชีพสามารถเลือกตั้งได้เลยว่าจะให้เบอร์ที่โทรขึ้นว่าเป็นเบอร์อะไร ส่วนใหญ่จะตั้งให้เป็นเบอร์โทรของหน่วยงานภาครัฐ เช่น สถานีตำรวจ ปปส. DSI เพื่อก่อให้ผู้รับเกิดความเข้าใจผิด และหลงเชื่อ ให้ข้อมูลหรือโอนเงินตามคำหลอกลวงนั้น

นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า สำนักงานฯ ได้ย้ำแนวทางป้องกันปัญหา Call Center หลอกลวง โดยกำชับให้ผู้ให้บริการต่อสาย VoIP ไปยังปลายทาง (Call Termination) ตรวจสอบการโทรที่มาจากต่างประเทศ หากเบอร์ที่โทรมานั้นมีรูปแบบเป็นเบอร์โทรศัพท์บ้าน เบอร์พิเศษ 3 หลัก หรือเบอร์พิเศษ 4 หลักของประเทศไทย ให้ตัดสายเพื่อไม่ให้ส่งต่อการโทรนั้นไปยังปลายทางในประเทศไทย และให้ผู้ให้บริการต่อสาย VoIP ไปยังปลายทาง (Call Termination) ต้องแสดงเบอร์โครงข่ายของตนเองหรือโครงข่ายที่ตนเองเช่าใช้ที่โทรศัพท์ที่รับสายปลายทางเท่านั้น รวมทั้งหากพบว่ามีการโทรเข้าโดยส่งเบอร์แปลกปลอมที่ไม่ใช่เบอร์ของตนเองเข้ามาให้ตัดสายนั้นทันที ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันการปลอมแปลงเบอร์โทรเข้ามา

“วันนี้ สำนักงาน กสทช. ได้กำชับโอเปอเรเตอร์ให้ป้องกันการโทรผ่านอินเทอร์เน็ตที่มิจฉาชีพใช้เป็นเครื่องมือในการหลอกลวงประชาชนของแก๊ง Call Center ตามมาตรการที่กำหนดไว้ ในขณะเดียวกันก็อยากขอให้ประชาชนระมัดระวังอย่าหลงเชื่อโทรศัพท์ที่แอบอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ DSI พนักงานธนาคาร หรือเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานต่างๆ อย่าเพิ่งให้ข้อมูลส่วนตัว หรือโอนเงินไปตามที่เขาขอ แต่ให้ตรวจสอบให้แน่ใจก่อนว่าสายที่โทรมานั้นไม่ใช่มิจฉาชีพ เพื่อป้องกันการสูญเสียเงินทองของท่าน” นายไตรรัตน์ กล่าว

จับสึกด่วน ‘พระเมาแอ๋’ ซิ่งเก๋งขอนแก่น-ชัยภูมิ หลับคารถ

โซเชียลแห่แชร์ “พระเมาเเอ๋” หมดสภาพ หน้าร้านขายพริก อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ลั่น! “ไปกินเหล้าที่ขอนเเก่นมา” ตำรวจพบขวดเหล้าเต็มรถ รีบนำตัวส่งเจ้าคณะอำเภอ  จับสึกด่วน กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ หลังมีการแชร์ภาพพระรูปหนึ่ง นอนเมาหมดสภาพคาพวงมาลัย ที่หน้าร้านขายพริกแห่งหนึ่งใน อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ โดยเรื่องราวหลังจากมีผู้พบพระเมาคารถนั้น ชาวบ้านพากันแจ้งให้ทางเจ้าหน้าที่จากหน่วยกู้ภัยสว่าง อำเภอภูเขียวจึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูเขียว ให้ช่วยเข้าตรวจสอบ

เมื่อตำรวจได้เข้ามาตรวจสอบ พบเหล้า 1 ขวด ตกอยู่ในรถ และสอบถามพระรูปดังกล่าว ให้การว่า ตนไปกินเหล้าที่ขอนแก่นมา และขับรถมาจอดที่นี่ หลังคำให้การตำรวจรีบพาส่งพระเจ้าคณะอำเภอ จับสึกด่วนเพราะผิดกฎของสงฆ์อย่างร้ายแรง โดยโพสต์ระบุรายละเอียดว่า

โครงการนี้เป็นการก่อสร้างทางพิเศษยกระดับ มีอุโมงค์อยู่ในช่วงกลาง ระยะทางรวม 3.98 กิโลเมตร มีขนาด 4 ช่องจราจร ทางขึ้น – ลง 2 แห่ง และมีด่านเก็บค่าผ่านทาง 1 ด่าน โดยจุดเริ่มต้นโครงการเชื่อมกับถนนพระเมตตา ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จนถึงจุดสิ้นสุดโครงการในพื้นที่ตำบลกะทู้ อำเภอกะทู้ ใช้ระยะเวลาดำเนินโครงการ 5 ปี (พ.ศ. 2565 – พ.ศ. 2570)

สำหรับรูปแบบการลงทุน เป็นลักษณะการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (PPP) โดยภาครัฐรับผิดชอบการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ส่วนภาคเอกชนรับผิดชอบงานส่วนที่เหลือทั้งหมด ได้แก่ การออกแบบ รายละเอียดและการก่อสร้าง และการดำเนินงานและบำรุงรักษา โดยเอกชนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์จัดเก็บรายได้ค่าผ่านทางระยะเวลาสัมปทาน 35 ปี

ทั้งนี้ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย จะประกาศเชิญชวนเอกชนในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2565 เริ่มก่อสร้างในปี 2566 คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในเดือนกรกฎาคม 2570

สถานการณ์การแพร่ระบาด โควิดภูเก็ต ในวันนี้พบผู้ป่วยใหม่ 383 ราย ขณะที่เตียงรองรับผู้ป่วยเกิน 50% แล้ว สำนักงานประชาสัมพันธ์ จ.ภูเก็ต รายงานสถานการณ์ ได้รายงานถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่ 3 เมษายน 64 ถึงปัจจุบัน โดยล่าสุดพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 383 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในจังหวัด 383 ราย ผู้ติดเชื้อภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ 80 ราย และผู้ติดเชื้อ test & go 12 ราย

ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 28,038 ราย แบ่งเป็นติดเชื้อภายในจังหวัด 25,165 ราย ติดเชื้อโครงการรับกลับบ้าน 42 ราย ผู้ติดเชื้อรับจากต่างจังหวัด 25 ราย ผู้ติดเชื้อลูกเรือต่างประเทศ 19 ราย ผู้ติดเชื้อต่างประเทศ 46 ราย ผู้ติดเชื้อแซนด์บ็อกซ์ 1,950 ราย ผู้ติดเชื้อ test & go 852 ราย ส่วนยอดผู้เสียชีวิต 146 ราย

ในส่วนสถานการณ์การใช้เตียงผู้ป่วยจากจำนวนเตียงทั้งหมด 3,105 เตียง ครองเตียง 1,715 เตียง คิดเป็น 55.23% จำนวนเตียงว่าง 1,390 เตียง คิดเป็น 44.77%